The Space@SU ครั้งที่ 2
พอจะถึงงานครั้งที่ 2 เด็กๆ ต่างเตรียมงาน แล้วพวกเราจะเตรียมอะไร เดือนนี้เป็นเดือนที่แทบไม่อยากจะไปทำอะไร อยากอยู่เงียบๆ คนเดียว แต่ก็ทำไม่ได้หรอกเพราะ The show must go on คนทำงานอย่างพวกเราไม่ต่างกับคารา ที่ต้องเล่นไปตามบท ตามหน้าที่ ที่มีคนกำกับให้เป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ดังนั้นจึงต้องสลัดใดๆ ที่ขุ่นข้องหมองใจทั้งหมดออกไป ทำตัวให้สนุกกับงานเป็นดีที่ซู้ด ส่วนใครจะเป็นนางเอก นางร้าย คุณระย้า นังจวน นังอิ่มหรือคุณหนูยิ้ม ก็เลือกบทกันเองกันไป
เนื่องจากน้องชัย ที่ใครๆ ยกให้เป็นลูกชาย เพราะเหตุที่ชอบมาเขียนออดอ้อนว่าจะไม่ทำให้แม่ซึ่งหมายถึงอิฉันเดือดร้อนอยู่บ่อยๆ จนเป็นที่หมั่นไส้ของชาวประชาโดยเฉพาะคุณแม่อย่างอิฉันมั่กๆ จนต้องเข่นเขี้ยวว่าไม่ต้องมาอ้อน ทำจริงๆ เสียทีซิ (โว๊ยยย)
ตอนที่กลับจากทัวร์ภาคใต้พอรถจอดปั้บ เห็นรถสามล้อจอดที่ข้างห้องสมุด ของใครนะ ตะหงิดๆนึกถึงเจ้าชัยอย่างไม่มีเหตุผล เพราะไปนึกถึงตอนคุณเธอกลับจากสามชุกก็นุ่งโจงกระเบนกลับมา
แอบมองสามล้อแล้วคิดไปถึงโน่นว่าน่าจะทำเป็นรถส่งหนังสือออกไปตามคณะต่างๆ แบบแนวๆ เจอป้าจันทร์ก็เฉลยเป็นของใคร เลยบอกป้าจันทร์ บอกว่าป้าว่าแล้ววว…ว่าถ้ากลับมาต้องมีงานแน่เลย แหมป้ารู้ใจ รักป้าจังเลย ในใจบอกว่า…ตรูนึกแล้ว
เจ้าตัวก็ใช้เป็นพาหนะมาทำงานทุกเช้า ระหว่างวันก็จะมีนักศึกษาไปแอบโพสต์ท่าถ่ายรูป คาดว่าคงเป็นอีกหนึ่งสัญญลักษณ์์ของห้องสมุดเรา
เมื่อเช้าพี่ติ๋วหัวเราะงอหายเพราะเจ้าตัวดี พาชายฉกรรจ์นั่งรถสามล้อเพื่อไปขนเวที บอกว่าทำไปด้ายยย …ถามเจ้าตัวบอกว่านึกอย่างไรถึงไปซื้อมา บอกว่าสวย เออใช่ สวยจริงๆ และคงจะเป็นของโบราณในไม่ช้า
เช้าน้องๆ พี่ๆไปขนเก้าอี้กับเวที พอมาลุงมนเตรียมตกแต่งเวทีที่มีป้ายงานขึ้นแล้ว เด็กๆ บอกว่าสวยมากกกก สีได้ใจ ลุง มนกับน้องๆ ไม่รู้ว่าไปขนอะไรมาเพิ่มเติม รู้ัแต่ว่าผลงานที่ออกมาเป็นเวที่สวยงาม บอกให้น้องชัยดูเป็นตัวอย่างและจำไว้้ต่อไปจะได้ทำเป็น
ตอนกลางวันหนูเขียดขนหนังสือมาแจกอีกหนึ่งคันรถ บ่ายสองน้องวิรุฬห์เริ่มกิจการตั้งเครื่องเสียง จอและอุปกรณ์อื่น วันนี้น้องมาร์คมาไม่ได้เนื่องจากอยู่เวร 24 ชั่วโมง กลางวันจึงต้องพัก น้องชัยกับพี่บูรณ์จึงไปร่วมด้วยช่วยกัน
ห้าโมงๆ น้องอ้อถามว่า เราจะไปตั้งร้านอย่างไรดี ก็บอกว่า ใช้รถสามล้อของน้องชัยเป็นจุดขายดีกว่า ขืนตั้งบนโต๊ะธรรมดาคงจะแนวไม่พอและไม่มีจุดขาย ถึงจะเนื้อหาดีก็เถอะ ว่าเข้าไปนั่น มีคนชมแฮะ…ว่าบ้าพอกัน
ครั้งนี้นักศึกษามาร่วมกิจกรรมกันมาก แว่วว่าจ้องกันอยู่ อย่างของเราขนาบไปด้วยเด็กจากคณะวิศวะฯ และจากคณะอักษรฯ มีผู้ค้าแถวๆ ตลาดนัดจะเข้ามาเหมือนกัน ตัดบทไปว่าเป็นงานของนักศึกษาคงไม่สะดวก ขายวันพุธไปก่อนดีไหมคะ หรือสอบถามรายละเอียดที่นักศึกษาเอง
เรื่องแบบนี้จะไม่เข้าไปจัดการ ให้เด็กๆ รู้จักกับงานที่ต้องรับผิดชอบ รู้จักตัดสินใจ เลือกทางเดินของตัวเองและเรียนรู้วิธีการทำงานอย่างกิจกรรมนักศึกษา แบบที่เราเคยสัมผัสมาก่อน
แต่ที่นี่ยังดีที่หอสมุดฯ ตัดสินใจเข้าไปดูแลในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่ช่วยเข้าไปดูแล ปรึกษา เป็นพี่ บอกกล่าวในสิ่งที่คิดว่าพอเหมาะพอควรและตรงไปตรงมา
น้องๆ บอกว่าจะมาช่วยงานพี่ๆ ทั้งเรื่องการถ่ายรูปและทำสไลด์ ตอนนี้งานแรกเลยให้แกะเพลง เจ้ามังกรไฟไม่เรียนหนังสือ เพราะจะเอาไปเล่านิทานให้เด็กฟังตอนสัปดาห์หน้าอีกแล้วคร๊าบ
ส่วนไฟมืดหรือไฟสว่าง วางโน๊ตเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง ก็ร้องกันไป เล่นกันไป ชิวๆ เรื่อยๆ เห็นทั้งนักศึกษากับอาจารย์มาเดินเที่ยวชมงาน มาออกบูธแสดงสินค้าของชมรม หรือกลุ่มของตัวเอง ทั้งของมือสอง มือสาม ของที่คิดประดิษฐ์ทำมือกันเข้ามา ตาม concept ปล่องของ …ทำให้ย้อนวัยสมัยเราเป็นนักศึกษาที่ชอบนักหนากับบรรยากาศแบบนี้
เคยฟังหลายคนพูดถึงว่าทำไมนักศึกษาไม่ทำกิจกรรมอะไรเลย ทั้งที่ๆ จริงแล้วเด็กทำต่างหาก แต่ผู้ใหญ่ไม่รู้และไม่สร้าง หรือหยิบยื่นโอกาสให้กับพวกเขา
มีคนถามว่าห้องสมุดได้อะไร บอกว่าที่ได้มากที่สุดคือได้มิตรภาพระหว่างผู้ใช้และผู้ให้บริการ ระหว่างที่เราเดินดูงาน หรือเก็บภาพ หรือระหว่างที่เด็กมาเลือกหนังสือแจก “ฟรี” เราได้ใช้เวลานี้คุย บอกกล่าว ไขข้อข้องใจ ชี้แจง แนะนำ ฯลฯ
ในงานแบบนี้เราสามารถคุยกับเด็กๆ ได้ทุกเรื่อง และเด็กก็ตอบทุกเรื่องที่เราถาม ไม่มีอาการหงุดหงิด รำคาญ ป้าๆ น้าๆ ที่ทำไมนะช่างถามกันจริงๆ พี่ติ๋วถามว่าเด็กเขามาจากไหนกัน เพราะพอถึงเวลาจะมาอย่างกับนัดกันไว้ เสียงโทรตามว่าให้มาดูงาน ฯลฯ ทั้งหมดบอกพี่ติ๋วกับน้องอ้อว่า คำตอบคือเพราะเขาเป็นพวกเดียวกัน แม้พื้นที่จะเป็นของเรา แต่เรายังใน space ของเขา ดังนั้นใน space นี้ จึงมีแต่ “เรา”
เด็กอาจจะรู้หรือไม่รู้ก็ได้ว่าหอสมุดฯ เป็นต้นทางของโครงการแบบนี้ซึ่งไม่สำคัญเพราะไม่มีความจำเป็นต้องไปแสดงตัว เพราะเด็กไม่จำ แต่อยากให้เขาซึมซับอย่างน้อยก็อีกหนึ่งเทอมว่ายังมีงานอะไรแบบนี้ในศิลปากร
ดีใจที่หอสมุดได้สร้าง Knowledge Park@Library ให้เป็น The Space@SU
คืนนี้มีฉายหนัง บอกว่าให้เริ่มทุ่มครึ่ง ดึกกว่านี้พี่ๆ คงแย่ เพราะเป็นห่วงสมบัติพัสถานที่วางๆ อยู่ แต่ปรากฏว่าอ่านใน Twitter ฝนตกมาก ยังไม่ทันไรก็เผื่อแผ่มาทางนี้ เกือบสองทุ่มเด็กยังอยู่แอบไปขายของกันต่อที่ใต้ศูนย์คอมฯ หรือปักหลักที่เต้นท์ ส่วนนักดนตรีบอกว่าฝนหายเมื่อไรผมไปเล่นเมื่อนั้น เชิญเถิดจ๊ะน้องๆ ฝากฝังน้องชัยให้ดูแล ส่วนพี่จะขอแค่สี่ทุ่มครึ่งนะจีะ
น้องอ้อกับพี่ติ๋วจะสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับเด็กๆ จะเล่าถึงเด็กอย่างเมามันส์ น้ำหูน้ำตาไหล สุดท้ายก็ต้องขอบคุณทุกคนในหอสมุดฯ จากทุกฝ่ายงานที่อยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของงานนี้ที่ร่วมด้วยช่วยกันตั้งแต่ก่อนและเก็บงาน ขอบคุณจริงๆ
ในที่สุด ฝนตก วงแตกค่ะ
ปล. สามล้อกลายเป็นโลเคชั่นสำหรับค่ำคืนนี้ไหเรียบร้อยแล้วครับพี่น้อง
2 thoughts on “The Space@SU ครั้งที่ 2”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
ว่าจะแวะมาแอบดู ไปออกกำลังกายจะลืมเลยอิอิ เดือนหน้าขอมาดูแบบจังๆซักที่น๊า
ปิดทองหลังพระ ก้นพระ (ก็ยังข้างหลังแต่เตี้ยลงมา) ตูดพระ (ที่ซึ่งอยู่ใต้ขณะนั่ง และนั่งทับเลยล่ะ) ทุกประเด็นใช่หมด จะอีกสักเรื่องจะเป็นไรไป บุญๆๆๆๆ ส่งถึงลูก สามี ภรรยา คนในครอบครังจ้า ทำดีไปเถิด จะเกิดผล ช้า เร็ว เกิดแน่นอน เชื่ิอสิ